อนามัยโลกชี้ยุโรปกลับมาเป็นศูนย์กลางโควิด “เพราะเข้าใจผิดเรื่องวัคซีน”

อนามัยโลกชี้ยุโรปกลับมาเป็นศูนย์กลางโควิด “เพราะเข้าใจผิดเรื่องวัคซีน”

องค์การอนามัยโลกกล่าวว่า “ความเข้าใจคลาดเคลื่อน” เกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 คือหนึ่งในต้นเหตุสำคัญ ทำให้โรคกลับมาระบาดอย่างหนัก

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 25 พ.ย. ว่า นพ.เทดรอส แอดนาฮอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก ( ดับเบิลยูเอชโอ ) แถลงเมื่อวันพุธที่ผ่านมา เกี่ยวกับการที่ภูมิภาคยุโรปกลับมาเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ว่าหนึ่งในปัจจัยสำคัญคือ “ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน” เกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีน ที่ดับเบิลยูเอชโออธิบายมาตลอด ว่าหน้าที่ของวัคซีนคือ “ลดความเสี่ยง” ของการติดเชื้อ การเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล และการเสียชีวิต การฉีดวัคซีน “ไม่ได้ป้องกันการติดเชื้อ 100%”

ทั้งนี้ การรักษาความสะอาดส่วนบุคคล การสวมหน้ากากอนามัย และการเว้นระยะห่างทางสังคม ยังคงเป็นแนวทางปฏิบัติที่สำคัญ แม้บุคคลนั้นฉีดวัคซีนครบแล้ว แต่หากยังไม่ได้ฉีด นพ.เทดรอสยืนยันว่า ควรอย่างยิ่งที่ต้องฉีด ในกรณีไม่มีข้อจำกัดด้านสุขภาพ

 

ขณะที่ นพ.ไมค์ ไรอัน ผู้อำนวยการโครงการฉุกเฉินด้านสาธารณสุขของดับเบิลยูเอชโอ กล่าวว่า แทบทุกประเทศในยุโรปกลับมาใช้ชีวิต “ปะปนกันทางสังคม” ในระดับเดียวกับก่อนการอุบัติของโรคโควิด-19 แม้อัตราการติดเชื้อและการเข้าโรงพยาบาลกลับมาเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด แต่ยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลง และระบบสาธารณสุขคือผู้แบกรับภาระทั้งหมด จึงเป็นเหตุผลว่า เพราะเหตุใดเชื้อไวรัสจึงยังคงวนเวียนและกลายพันธุ์ไปเรื่อย

สถิติของดับเบิลยูเอชโอ ระบุว่า 60% ของผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ในรอบสัปดาห์ล่าสุด อยู่ในยุโรป ซึ่งสถิติการติดเชื้อเฉพาะในภูมิภาคเพิ่มขึ้น 11% หากยังไม่มีการดำเนินการอย่างจริงจังกว่านี้ ผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ในยุโรป จะเพิ่มขึ้นอีก 700,000 ราย ภายในช่วงฤดูใบไม้ผลิปีหน้า.